สงคราม เที่ยวด่วน Fast Tourism

                  สงคราม เที่ยวด่วน โหนกระแสซีรีย์ดัง “เมื่อโลกกำลังหมุนเวียนเร็วขึ้น การท่องเที่ยวก็ต้องเร็วขึ้นเช่นกัน” ยุคนี้ถ้าใครอยากสำเร็จเร็ว จึงต้อง Fast Tourism เท่านั้น !!!       

                  Fast Tourism คืออะไร? ถ้าหากจะตอบคำถามนี้ต้องพาทุกคนย้อนกลับไปทำความรู้จักกับการท่องเที่ยวแบบ Slow Tourism ก่อน ซึ่งการท่องเที่ยวแบบ Slow คือการท่องเที่ยวที่เปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสกับประสบการณ์ได้อย่างเต็มที่ ไม่จำกัดเวลา ทั้งการเที่ยว การพัก นักท่องเที่ยวสามารถใช้เวลาในแต่ละจุดหมายได้อย่างเต็มที่ โดยไม่ต้องรีบร้อน ซึ่งจะทำให้นักท่องเที่ยวได้ซึมซับกับการท่องเที่ยวในแต่ละจุดได้อย่างลึกซึ้งและทั่วถึงมาก

                 ในขณะที่การท่องเที่ยวแบบ Fast คือการท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวจะได้รับประสบการณ์แบบจัดเต็มเช่นกัน แต่ในระยะเวลาที่จำกัด ซึ่งก็เป็นไปเพื่อตอบโจทย์เทรนด์ในสมัยใหม่ที่ผู้คนอยากได้การท่องเที่ยวที่กระชับ ได้รับประสบการณ์ที่คุ้มค่า ในระยะเวลาที่ไม่ยาวจนเกินไป ไม่ต้องการการท่องเที่ยวที่ต้องใช้การเดินทางที่ยาวนาน 

                รวมทั้งเทรนด์การทำงานแบบ Work From Everywhere พร้อมกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่ทำให้การเชื่อมต่อในทุกจุดเป็นไปอย่างไร้รอยต่อ ก็ทำให้กระแสการท่องเที่ยวแบบ Fast ได้รับความนิยมขึ้นมาเช่นกัน แต่ปัจจัยในการทำการท่องเที่ยวแบบ Fast ให้สำเร็จมีอะไรบ้าง? เรารวมมาให้ทุกคนแล้ว!

               1. FAST-Travel     

               ปัจจัยหลักของการท่องเที่ยวรูปแบบนี้คือการเดินทาง ทั้งการเข้า-ออก สถานที่ท่องเที่ยวหรือที่พักต้องเป็นไปด้วยความรวดเร็ว และสะดวกสบาย อาจมีบริการรถรับส่งโดยเฉพาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่ลงทะเบียนมาแบบ Fast Tourism โดยให้พวกเขาสามารถเข้าถึงได้ก่อนใคร หรือการทำ Map ในรูปแบบ QR-Code เพื่อให้นักท่องเที่ยวสแกนแล้วสามารถเดินทางได้อย่างง่ายดาย โดยอาจเพิ่มเป็นเส้นทางลัด เส้นทางแนะนำในรูปแบบคนในพื้นที่ เพื่อทำให้พวกเขาสามารถเดินทางได้อย่างรวดเร็วขึ้นก็ได้เช่นกัน

            โดยตอนนี้ที่เมืองกวางโจว ประเทศจีนได้มีการนำรถบัสแบบไร้คนขับมาใช้ในการเชื่อมต่อพื้นที่ชานเมืองเข้ากับสถานีรถไฟ และสนามบิน เพื่อรองรับการเดินทางของนักท่องเที่ยวและคนให้สามารถเข้าถึงพื้นที่ต่าง ๆ ของเมืองได้ง่ายขึ้น อีกทั้งเส้นทางการเดินรถอัตโนมัตินี้ยังครอบคลุมพื้นที่ส่วนใหญ่ของเมืองและการใช้ทางด่วนในการย่นระยะเวลา เปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวสามารถเข้าถึงการท่องเที่ยวทั้งในเมืองและชานเมืองได้อย่างง่ายดายและรวดเร็วอีกด้วย ซึ่งในอนาคตประเทศจีนจะพัฒนาต่อเพื่อให้สามารถเชื่อมโยงทุกระบบขนส่งเข้าไว้ด้วยกันผ่าน Autonomous Vehicle เหล่านี้อีกด้วย

             2. FAST-Check

            รองลงมาจากเรื่องการเดินทางแล้ว การเข้า Check In และ Check Out ก็ต้องเป็นไปอย่างรวดเร็วและตอบโจทย์ด้วยเช่นกัน ทั้งการเช็คอินเพื่อเข้าที่พักหรือเช็คอินเพื่อเข้าทำกิจกรรม โดยทำเป็นรูปแบบ Online หรือ Touchless เพื่อตอบโจทย์โลกสมัยใหม่ เช่น การทำแอปสำหรับ Booking, Check-In หรือ Check-Out แบบครบวงจรโดยที่ไม่จำเป็นต้องติดต่อกับที่พักเลย หรือการทำ Smart Kiosk สำหรับเช็คอินง่าย ๆ เพียงแค่ใช้บัตรประชาชนหรือพาสปอร์ตในการสแกนเพื่อรับกุญแจพร้อมข้อมูลของห้องพัก

            ถ้าจะยกตัวอย่างที่เห็นภาพชัดเจนที่สุดคงหนีไม่พ้น ตู้เช็คอินอัตโนมัติ เคาน์เตอร์โหลดกระเป๋าอัตโนมัติ และระบบตรวจคนเข้าเมืองอัตโนมัติโดยเทคโนโลยี Biometric ที่สนามบิน Changi ประเทศสิงคโปร์ ที่ช่วยลดระยะเวลาการเช็คอินลงได้มากถึง 40% และผู้โดยสารมากถึง 83% ถูกใจกับระบบนี้มากกว่าแบบเดิม

            3. FAST-Experience

            อีกหนึ่งปัจจัยหลักของการท่องเที่ยวแบบ Fast คือการออกแบบกิจกรรมให้ครบถ้วนและตอบโจทย์การได้รับประสบการณ์อย่างเต็มที่ในระยะเวลาที่จำกัด ซึ่งอาจจะมาในรูปแบบการจัดการท่องเที่ยวแบบ All in one เที่ยวที่เดียวได้รับประสบการณ์แบบเต็มอิ่ม หรือการไปหลายสถานที่ซึ่งจัดเต็มด้วยกิจกรรมในรูปแบบที่ต่างกันพ่วงมาด้วยเส้นทางการเดินทางที่รวดเร็ว หรือแม้แต่การออกแบบกิจกรรมในที่พักให้เต็มไปด้วยกิจกรรมที่นักท่องเที่ยวสามารถเลือกสรรได้ด้วยตนเอง เช่น สปา สระว่ายน้ำ ร้านอาหาร หรือคาเฟ่ ก็ได้เช่นกัน

            หนึ่งในตัวอย่างที่โดดเด่นคือ Club Med Resorts ซึ่งถือเป็นผู้บุกเบิกและเป็นผู้นำแนวคิดอย่าง All-Inclusive Resort โดยทุกรีสอร์ตของ Club Med ถูกออกแบบมาให้มีกิจกรรมที่หลากหลาย ตั้งแต่กิจกรรมสำหรับเด็ก กิจกรรมหรือกีฬาตั้งแต่ กิจกรรมทางน้ำ, กอล์ฟ, เทนนิส ไปจนถึงกีฬาผาดโผน กิจกรรมสายสุขภาพอย่าง โยคะหรือสปา รวมทั้งอาหารและเครื่องดื่มแบบไม่จำกัดตลอดวัน อีกทั้งในแต่ละรีสอร์ตจะมีกิจกรรมพิเศษเฉพาะที่แตกต่างกันไปในแต่ละที่อีกด้วย กิจกรรมเหล่านี้สามารถมอบประสบการณ์การท่องเที่ยวได้อย่างเต็มอิ่ม โดยที่นักท่องเที่ยวแทบจะไม่ต้องก้าวเท้าออกจากรีสอร์ตเลยทีเดียว

                4. FAST-Customize

                นอกจาก 3 ข้อข้างต้นแล้ว อย่าลืมการเปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวสามารถจัดการแพลนของตัวเองได้เพื่อให้การท่องเที่ยวตอบโจทย์เขาได้มากที่สุด ซึ่งอาจจะเป็นการรวบทุกกิจกรรมทั้งแบบในและนอกที่พักเอาไว้บนแพลตฟอร์มหรือเว็บเพื่อให้นักท่องเที่ยวสามารถปรับเปลี่ยนได้ด้วยตนเอง หรือการออกแบบที่พักให้ผู้เข้าพักเลือกปรับเปลี่ยน Mood & Tone ในที่พักได้ด้วยตนเอง เช่น สีไฟ เพลง กลิ่นของน้ำหอมในห้อง ผ่านระบบ Smart Room ก็ได้เช่นกัน นอกจากนี้อาจเติมระบบการบันทึกข้อมูลนักท่องเที่ยวแต่ละคนเพื่อให้ทุกครั้งที่เขากลับมาท่องเที่ยวอีกครั้ง จะได้รับประสบการณ์ในแบบที่เขาเคยจัดทำไว้เมื่อครั้งที่เคยมานั่นเอง

            ในปัจจุบันหลายโรงแรมก็กำลังพัฒนาระบบนี้เพื่อให้ตอบโจทย์กับความต้องการของนักท่องเที่ยวสมัยใหม่มากขึ้น โดยโรงแรมชื่อดังอย่าง Hilton หรือ Marriott เองก็เป็นหนึ่งในแรงแรมเหล่านั้นเช่นกัน โดยมุ่งเน้นการพัฒนา Smart Room ที่ผู้เข้าพักสามารถควบคุมทุกอย่างในห้องได้ผ่านมือถือเครื่องเดียว ทั้งระบบไฟ ระบบแอร์ หรือแม้กระทั่งควบคุมกระจก ฝักบัว ก๊อกน้ำ แถมยังมีการควบคุมอุณหภูมิห้อง ความสว่างห้อง ความชื้นห้อง ผ่านคำสั่งเสียงอีกด้วย

            และนี่คือ 4 ปัจจัยหลักที่จะทำให้ธุรกิจการท่องเที่ยวสามารถปรับเปลี่ยนไปตามกระแสการท่องเที่ยวแบบ Fast ได้ แต่ในขณะเดียวกันการปรับเปลี่ยนก็ต้องคำนึงถึงเรื่องของความยั่งยืนเช่นกัน เพราะการท่องเที่ยวที่รวดเร็วนั้นอาจทำให้เกิดความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อมหรือท้องถิ่นได้ เพราะฉะนั้นหากผู้ประกอบการท่านใดอยากเกาะไปกับกระแสนี้ อย่าลืมคิดถึงเรื่องนี้ด้วยนะ

 

ขอบคุณบทความจาก TAT Academy